สวัสดีครับ
ระบบการศึกษาของสาธารรัฐไอร์แลนด์นับเป็นอีกที่หนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่ามีคุณภาพและมาตารฐานที่สูงไม่แพ้กับประเทศที่คนไทยรู้จักมายาวนานเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ อังกฤษ บทพิสูจน์หนึ่งที่สามารถกล่าวอ้างแสดงถึงคุณภาพและมาตรฐานที่สูงของการศึกษาของประเทศไอร์แลนด์ก็คือ ปรากฏการเสือเคลติค (Celtic Tiger) คือ เมื่อเรากล่าวถึงประเทศไอร์แลนด์ในอดีตซึ่งก็ไม่ได้ยาวนานจากนี้นัก ไอร์แลนด์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดของโลกและได้รับฉายาว่า “คนป่วยแห่งยุโรป” อย่างไรก็ตาม ไอร์แลนด์สามารถกระโดดออกมาจากวังวนของความยากจนและกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยของโลกในระดับต้นๆ และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศสหภาพยุโรปติดต่อกันอยู่หลายปี จนกระทั่งได้รับการขนานนามและเปลี่ยนฉายาใหม่เป็น “เสือหนุ่มแห่งยุโรป” (Celtic Tiger) ในชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น
มีงานวิจัยเชิงประจักษ์หลายชิ้นให้ข้อสรุปตรงกันว่า แม้ว่าปัจจัยในการก้าวกระโดดของเศรษฐกิจของไอร์แลนด์มีมากกว่าหนึ่งอย่าง แต่ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตราฐานที่ดียิ่งเป็นฟันเฟืองขับเคลื่นที่สำคัญอย่างมากในความสำเร็จของไอร์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือบทบาทของการศึกษาที่มีต่อทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกปัจจุบัน ขณะที่หลายๆประเทศกำลังต้องการนำประเทศของตัวเองไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม แต่ไอร์แลนด์ได้ก้าวนำหน้าประเทศอื่นๆไปแล้วหนึ่งก้าว วาระแห่งชาติของไอร์แลนด์ในขณะนี้นั้น เขาไม่ได้พูดถึงว่าทำอย่างไรที่จะให้ไอร์แลนด์เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน แต่เขากำลังคิดกันว่าทำอย่างไรที่จะให้ไอร์แลนด์ก้าวผันตัวเองเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแห่งองค์ความรู้ (Knowledge Based Economy) นั่นคือแทนที่จะคิดถึงการขยายอุตสาหกรรม แต่ ไอร์แลนด์กำลังคิดให้ตัวเองเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของการวิจัย เทคโนโลยี และองค์ความรู้ขั้นสูง
และเหล่านี้ก็เป็นเหตและผลที่พวกเรานักเรียนไทยได้มาศึกษาเล่าเรียนอยู่ ณ ประเทศไอร์แลนด์แห่งนี้ ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนท่านที่สนใจจะแสงหาความรู้ในระดับสูงมาศึกษาต่อและเรียนรู้บทเรียนจากไอร์แลนด์ ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวแบบที่มีค่ายิ่งในการนำกลับไปประกอบอาชีพและพัฒนาประเทศของเรา
ในส่วนของชมรมนักเรียนไทยในสาธารณรัฐไอร์แลนด์นั้น การก่อตั้งชมรมก็เพื่อที่จะได้มีโอกาสให้นักเรียนไทยได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดระยะเวลาแห่งการใช้ชีวิตในต่างแดนแห่งนี้ และก็หวังที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ในการที่จะเกื้อกูลและสนันสนุน ส่งเสริมความวัฒนาสถาพร แก่ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราสืบไป
การก่อตั้งชมรมขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ กระทำสำเร็จลุล่วงได้ก็ด้วยความร่วมใจกันอย่างพร้อมเพรียงจากบุคคลหลายฝ่าย ผมจึงใคร่ที่จะขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณ ท่านที่มีอุปการะคุณต่อการก่อตั้งและขออนุญาตเอ่ยนามดังนี้ ฯพณฯ นาย กิตติ วะสีนนท์ (เอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประธานที่ปรึกษาชมรมนักเรียนไทยในสาธารณรัฐไอร์แลนด์) ท่าน ปรีชา วัชราภัย (เลขาธิการ กพ.) ท่าน สุชาดา รังสินันท์ (อดีต อัครราชฑูตฝ่ายการศึกษา ณ กรุงลอนดอน)
ระบบการศึกษาของสาธารรัฐไอร์แลนด์นับเป็นอีกที่หนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่ามีคุณภาพและมาตารฐานที่สูงไม่แพ้กับประเทศที่คนไทยรู้จักมายาวนานเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ อังกฤษ บทพิสูจน์หนึ่งที่สามารถกล่าวอ้างแสดงถึงคุณภาพและมาตรฐานที่สูงของการศึกษาของประเทศไอร์แลนด์ก็คือ ปรากฏการเสือเคลติค (Celtic Tiger) คือ เมื่อเรากล่าวถึงประเทศไอร์แลนด์ในอดีตซึ่งก็ไม่ได้ยาวนานจากนี้นัก ไอร์แลนด์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดของโลกและได้รับฉายาว่า “คนป่วยแห่งยุโรป” อย่างไรก็ตาม ไอร์แลนด์สามารถกระโดดออกมาจากวังวนของความยากจนและกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยของโลกในระดับต้นๆ และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศสหภาพยุโรปติดต่อกันอยู่หลายปี จนกระทั่งได้รับการขนานนามและเปลี่ยนฉายาใหม่เป็น “เสือหนุ่มแห่งยุโรป” (Celtic Tiger) ในชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น
มีงานวิจัยเชิงประจักษ์หลายชิ้นให้ข้อสรุปตรงกันว่า แม้ว่าปัจจัยในการก้าวกระโดดของเศรษฐกิจของไอร์แลนด์มีมากกว่าหนึ่งอย่าง แต่ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตราฐานที่ดียิ่งเป็นฟันเฟืองขับเคลื่นที่สำคัญอย่างมากในความสำเร็จของไอร์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือบทบาทของการศึกษาที่มีต่อทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกปัจจุบัน ขณะที่หลายๆประเทศกำลังต้องการนำประเทศของตัวเองไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม แต่ไอร์แลนด์ได้ก้าวนำหน้าประเทศอื่นๆไปแล้วหนึ่งก้าว วาระแห่งชาติของไอร์แลนด์ในขณะนี้นั้น เขาไม่ได้พูดถึงว่าทำอย่างไรที่จะให้ไอร์แลนด์เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน แต่เขากำลังคิดกันว่าทำอย่างไรที่จะให้ไอร์แลนด์ก้าวผันตัวเองเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแห่งองค์ความรู้ (Knowledge Based Economy) นั่นคือแทนที่จะคิดถึงการขยายอุตสาหกรรม แต่ ไอร์แลนด์กำลังคิดให้ตัวเองเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของการวิจัย เทคโนโลยี และองค์ความรู้ขั้นสูง
และเหล่านี้ก็เป็นเหตและผลที่พวกเรานักเรียนไทยได้มาศึกษาเล่าเรียนอยู่ ณ ประเทศไอร์แลนด์แห่งนี้ ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนท่านที่สนใจจะแสงหาความรู้ในระดับสูงมาศึกษาต่อและเรียนรู้บทเรียนจากไอร์แลนด์ ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวแบบที่มีค่ายิ่งในการนำกลับไปประกอบอาชีพและพัฒนาประเทศของเรา
ในส่วนของชมรมนักเรียนไทยในสาธารณรัฐไอร์แลนด์นั้น การก่อตั้งชมรมก็เพื่อที่จะได้มีโอกาสให้นักเรียนไทยได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดระยะเวลาแห่งการใช้ชีวิตในต่างแดนแห่งนี้ และก็หวังที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ในการที่จะเกื้อกูลและสนันสนุน ส่งเสริมความวัฒนาสถาพร แก่ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราสืบไป
การก่อตั้งชมรมขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ กระทำสำเร็จลุล่วงได้ก็ด้วยความร่วมใจกันอย่างพร้อมเพรียงจากบุคคลหลายฝ่าย ผมจึงใคร่ที่จะขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณ ท่านที่มีอุปการะคุณต่อการก่อตั้งและขออนุญาตเอ่ยนามดังนี้ ฯพณฯ นาย กิตติ วะสีนนท์ (เอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประธานที่ปรึกษาชมรมนักเรียนไทยในสาธารณรัฐไอร์แลนด์) ท่าน ปรีชา วัชราภัย (เลขาธิการ กพ.) ท่าน สุชาดา รังสินันท์ (อดีต อัครราชฑูตฝ่ายการศึกษา ณ กรุงลอนดอน)
ม.ล. พัชรภากร เทวกุล (อัครราชฑูต ฝ่ายการศึกษา ณ กรุงลอนดอน) ท่าน บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ (อัครราชฑูตฝ่ายการพาณิชย์ ณ กรุงลอนดอน) ท่าน ประคัลล์ กอดำรง ที่ปรึกษาด้านการพาณิชย์ ณ กรุงลอนดอน ศาสตราจารย์ ดร.ประนอม จันทรโณทัย พี่วรรณ (คุณ ระวีวรรณ สมุเลนห์) พี่ไล (คุณ วิไลพร เพอร์กิ้น) พี่เผ่ง (คุณ สุเพ็ญ เบคลี) พี่ตู่ (คุณ ตู่ เพอร์กิ้น) และ ท่านอื่นๆที่มิได้เอ่ยนามไว้ ณ ที่นี้ และ ขอขอบคุณมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งต่อพี่น้องนักเรียนไทยในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ทั้งนักเรียนปัจจุบัน และ นักเรียนเก่าที่ได้เป็นกำลังใจให้กันและกันจนทำให้พวกเราสามารถจัดตั้งชมรมได้ตามที่ใฝ่ฝัน ขอบคุณครับ
อ้วน
อุทัย อุประเสน
Euro-Asia Center
Department of Economics, Kemmy Business School
University of Limerick
Republic of Ireland
อ้วน
อุทัย อุประเสน
Euro-Asia Center
Department of Economics, Kemmy Business School
University of Limerick
Republic of Ireland